รีวิว IQAir Atem Car เครื่องฟอกอากาศในรถสุดคูลลล ❄

สวัสดีค่ะทุกคนน.. วันนี้หม่าม้ากลับมาแล้วว หลังจากห่างหายไปพักใหญ่😅 ซึ่งการกลับมาครั้งนี้ หม่าม้ากลับมาพร้อมกับไอเท็มสุดคูลสำหรับคุณลูกขี้แพ้ นั่นก็คือออ...


เครื่องฟอกอากาศในรถ IQAir Atem Car นั่นเองค่าา


หลายๆคนอาจจะยังกลัวcovid-19กันอยู่จนลืมไปว่าสิ่งที่เราต้องพบเจอประจำกันทุกๆปี คือฝุ่น PM2.5 ที่มักจะกลับมาช่วงต้นปีนั่นเองค่ะ.. แล้วนี่ก็ใกล้จะหมดปีแล้ว หม่าม้าก็ไม่ลืมที่จะหาไอเท็ม gadget หรืออุปกรณ์ต่างๆมาช่วยปกป้องอาโปจากฝุ่นร้ายเหล่านี้ เพราะหม่าม้าเพิ่งรู้ว่าอาโปแพ้ฝุ่นPM2.5 หนักมากเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมานี้เองค่ะ


ขอเกริ่นถึงอาการของ 'อาโป' ลูกชายตัวแสบของหม่าม้าก่อนนะคะ มันเริ่มจากที่ว่าต้นปีที่ผ่านมาช่วงก่อนโควิด อาโปมีน้ำมูกบ่อยมากกก.. เรียกได้ว่ามีน้ำมูกใสๆทุกวัน ไม่เคยหาย.. เราก็คิดว่าเค้าคงเป็นหวัดก็ให้ทานยา พอทานยาก็ลดลงบ้าง แต่ไม่หายขาด ทานยาอยู่นาน หมดไปเป็นขวดๆเลยอ่ะ ก็ไม่หายสักที ก็เข้าๆออกๆโรงพยาบาลกันเป็นว่าเล่น ว่าลูกเป็นอะไรนะ ไซนัสอักเสบรึเปล่า ภูมิแพ้รึเปล่า แพ้ขนกระต่ายที่เลี้ยงไว้รึเปล่า จนมาเอะใจว่า เอ๊ะ! ทำไมปะป๊าก็เป็นเหมือนกัน โดยเฉพาะช่วงที่มีฝุ่นเยอะก็คือน้ำหูน้ำตาไหลกันทั้งพ่อทั้งลูก ก็เลยลองไปปรึกษาคุณหมอดู กะว่าจะขอตรวจวา่เป็นภูมิแพ้หรืออะไรด้วยไหม แต่คุณหมอแนะนำว่าเป็นไปได้ว่าเกิดจากฝุ่น PM2.5 ให้ลองเปลี่ยนสภาพแวดล้อมหรือเลี่ยงการออกจากบ้านดูก่อน ช่วงนั้นอาโปก็เลยได้ฝึกใส่หน้ากากมาตั้งแต่ก่อนโควิดเลยค่ะ และเค้าก็ยอมใส่แต่โดยดี เพราะหลังจากใส่หน้ากากแล้วน้ำมูกเค้าหายเลย หายใจได้สะดวกขึ้น พอจะออกจากบ้านทีเลยเรียกร้องขอใส่หน้ากากเองโดยอัตโนมัติ


พอรู้ดังนั้นแล้วว่าคุณลูกและคุณพ่อแพ้ PM2.5 แน่ๆ ฝ่าย support อย่างเราก็จัดการหาอุปกรณ์ต่างๆให้ทันที จำได้ว่าช่วงนั้นคือสั่งหน้ากากมาลองเยอะม้ากก สั่งมาทุกแบบ ทั้งแบบใช้ครั้งเดียว แบบผ้า แบบไฟฟ้ามีพัดลม เครื่องฟอกอากาศในบ้าน เครื่องวัดค่าฝุ่น ...คือแม่มีหมดเลย (เลยเป็นผลพลอยได้ว่าไม่มีช่วงsufferจากวิกฤตหน้ากากอนามัยแพง🤣🤣) 


ซึ่งพอมาถึงช่วงนี้ ใกล้ๆจะสิ้นปีอีกแล้ว แม่ก็เลยต้องรีบหาอะไรมาป้องกันคุณพ่อและคุณลูกไว้ก่อน ก่อนที่PM2.5จะมาถล่มแล้วจะเตรียมตัวซื้อของไม่ทัน หรือได้ราคาแรงๆมาอีก


หันซ้าย หันขวาก็พบว่า เอ้อออ...ของชิ้นใหญ่ๆเราก็มีครบหมดแล้วนะ ขาดก็แต่เครื่องฟอกอากาศในรถเนี่ยแหละ ที่เคยเล็งๆไว้ แต่ยังไม่ได้จัด เพราะตอนนั้นคิดว่าระบบฟอกอากาศโดยการปล่อยไออนลบที่มีมากับรถก็น่าจะพอถูไถอยู่ แต่พอเรามาศึกษาดูจริงๆก็ค้นพบว่า ระบบการฟอกออากาศโดยการปล่อยประจุลบนั้น มันจะทำหน้าที่ดักจับฝุ่นให้ฝุ่นมีน้ำหนักและตกลงมาแค่นั้น ไม่ได้กำจัดออกไป ซึ่งถ้าคิดตามภาพจริงๆ ฝุ่นมันก็ยังคงวนเวียนและพร้อมที่จะกระจายขึ้นมาในรถให้เราสูดดมได้ทุกเมื่อนั่นแหละ 


เมื่อคิดได้ดังนั้น คุณแม่สายgoogleอย่างเราก็ไม่รีรอที่จะสืบเสาะ เซิร์จหาข้อมูลทันทีว่าจะเอาเครื่องฟอกอากาศในรถยี่ห้อไหนดีน้าา เพราะต้องยอมรับว่ามันมีเยอะไปหมดจริงๆ ตั้งแต่ถูกยันแพง จากนั้นก็มาตัดช้อยส์ว่าขอเป็นเครื่องฟอกที่เป็น "เครื่องกรองอากาศในรถ" จริงๆ ให้ฝุ่นมันไปเก็บอยู่ในไส้กรองจริงๆ ไม่เอาพวกที่ปล่อยประจุลบอย่างเดียว เพราะในรถอากาศมันปิดยังงัยฝุ่นมันก็ยังวนเวียนสะสมอยู่ดีนั่นแหละ 


จนในที่สุดหม่าม้าก็ไปสะดุดใจกับเจ้าตัวนี้ค่ะ เครื่องฟอกอากาศในรถ IQAir Atem Car อย่างแรกเลยที่ชอบเพราะมันเป็นแบรนด์จากสวิสเซอร์แลนด์ เรื่องมาตรฐานการผลิต หรือความทนทานคือไม่ต้องห่วงเลย และที่สำคัญคือนางมาจากบริษัทเดียวกับแอพตรวจสอบคุณภาพอากาศเจ้าดังที่ใครๆก็รู้จักอย่างแอพ AirVisual ด้วยค่ะ เพราะฉะนั้นหม่าม้าจึงค่อนข้างให้เครดิตเค้าในการเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านมลพิษทางอากาศค่ะ

ตอนของมาส่ง... มีเด็กตื่นเต้นกับกล่องพัสดุชิ้นใหญ่ด้วยค่ะ :)

นอกจากชื่อเสียงของแบรนด์แล้ว ตัวเครื่องฟอกนี้เค้ายังมีแผ่นกรอง HyperHEPA Plus ที่ทางแบรนด์เค้าเคลมว่าสามารถกรองมลพิษทางอากาศได้เล็กมากถึง 0.003 ไมครอน ซึ่งมันเล็กม้ากกกก!! เล็กกว่าฝุ่น PM2.5 ถึง 800 เท่าเลยทีเดียว  ทำให้เจ้าเครื่องฟอกอากาศในรถเครื่องนี้สามารถกรองได้ทั้ง PM2.5 PM10 ไรฝุ่น แบคทีเรีย เชื้อรา และสารก่อภูมิแพ้ต่างๆ ที่สำคัญสามารถกรองไวรัสสายพันธ์ุโคโรนา เช่น ซาร์ส เมอร์ส RSV ไข้หวัดใหญ่ โรคมือเท้าปาก และ โรคทางเดินหายใจได้ด้วย ซึ่งพอเห็นคำเคลมแบบนี้แล้วหม่าม้าก็ว้าวมากๆๆ รู้สึกอยากเสียเงินขึ้นมาทันที ฮ่าๆๆ🤣 เพราะอาโปกำลังอยู่ในวัยอนุบาล ซึ่งแน่นอนว่าเสี่ยงต่อการติดโรคทางเดินหายใจต่างๆมากอยู่แล้ว ถ้าได้เจ้าเครื่องฟอกอากาศนี้มาหม่าม้าคงจะอุ่นใจขึ้นได้อย่างแน่นอน 


และเจ้าแผ่นกรอง HyperHEPA Plus นี้ นอกจากอนุภาคการกรองของนางจะละเอียดแบบสุดๆแล้ว นางยังมีส่วนผสมของคาร์บอนซึ่งสามารถกรองสารพิษในอากาศที่เป็นอันตรายมากๆ อย่างสารฟอร์มาลดีไฮด์ สารระเหยจากน้ำมันเบนซิน ดีเซล สารเคลือบสี สารก่อมะเร็งต่างๆ แล้วก็ยังรวมไปถึงการกรองกลิ่นไม่พึงประสงค์ที่เราอาจต้องเอในชีวิตประจำวัน เช่น กลิ่นอับในรถ กลิ่นควัน กลิ่นบุหรี่ กลิ่นรองเท้า กลิ่นอาหาร ได้อีกด้วยค่ะ


ร่ายมาซะยาวเหยียด😅 มาดูเครื่องจริงๆกันบ้างดีกว่าค่ะ


กล่องใหญ่โตมากทีเดียวค่ะ.. ซึ่งทางบริษัทเค้าแพคและขนส่งมาอย่างดี ไม่ต้องกลัวเสียหายเลย ข้างในกล่องจะประกอบไปด้วย เครื่องฟอกอากาศ แป้นฐานสำหรับติดเบาะรถยนต์ คู่มือ และอะแดปเตอร์ค่ะ


โดยการติดตั้งนั้นก็ไม่ยากเลยค่ะ ก่อนอื่น เราต้องติดตั้งแป้นฐานสำหรับติดเครื่องฟอกกับเบาะโดยสารซะก่อน โดยในกล่องจะมีคู่มือการติดตั้งแผนใหญ่ๆมาให้ด้วย เป็นภาพเข้าใจง่ายทีเดียวค่ะ


งานนี้ให้ปะป๊ามาช่วยติดตั้งให้ เพราะตัวเองชอบป้ำๆเป๋อๆกลัวจะทำอะไรพลาด 5555
แต่เอาจริงๆ มันไม่ยากเลยค่ะ แค่ร้อยสาย เสียบสายให้เรียบร้อยตามภาพ แค่นั้นเองค่ะ 😁



เมื่อติดตั้งฐานเรียบร้อยแล้ว ก็จะหน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ... จากนั้นเราก็ทำการเสียบเครื่องฟอกอากาศเข้ากับฐาน ให้มีเสียง 'คลิ๊ก' ก็เป็นอันเรียบร้อยค่ะ


..อ้ออ!! ลืมบอก ก่อนจะทำการติดตั้งเครื่องเข้ากับตัวฐาน อย่าลืมพลิกมาดู Pairing Code ด้านหลังตัวเครื่องนะคะ เพื่อใช้สำหรับเชื่อมต่อตัวเครื่องเข้ากับโทรศัพท์มือถือในการตั้งค่าต่างๆบนเครื่องค่ะ


จากนั้น ทำการเสียบไฟเข้ากับที่จุดบุหรี่ในรถให้เรียบร้อย.. ก็เป็นอันเสเร็จพิธีค่ะ


.... แต่ถ้าใครเสียบเครื่องฟอกไปแล้วลืมดู Pairing Code เหมือนหม่าม้าก็ไม่ต้องตกใจไปค่ะ... เพราะวิธีการถอดนั้นก็ไม่ยากเลยค่ะ เพียงแค่กดปุ่มด้านข้างทั้ง 2 ข้างพร้อมกัน แล้วดึงออกมาตามภาพค่ะ


พอถอดออกมาแล้ว พลิกด้านหลังดูก็จะเจอ Pairing Code ตามนี้ค่ะ


เครื่องฟอกอากาศ IQAir Atem Car เครื่องนี้ เค้าสามารถปรับระดับความแรงของพัดลมได้ถึง 3 ระดับด้วยกันเลยค่ะ โดยเราสามารถดูระดับความแรงของเครื่องได้จากไฟสถานะด้านข้างค่ะ  
ส่วนวิธีการเปิด-ปิดเครื่อง หรือปรับระดับความแรงลมนั้นก็ไม่ยากเลยค่ะ... เพียงแค่สัมผัสเบาๆบนตัวเครื่อง เครื่องก็จะปรับความแรงเพิ่มขึ้นจากระดับ 1 เป็นระดับ 2 เป็นระดับ 3 และปิดเครื่องค่ะ... ใช้งานง่ายสุดๆไปเล้ยย!!


มาดูวิธีเชื่อมต่อกับโทรศัพท์กันบ้างดีกว่าค่ะ 😉
ก่อนอื่นเราต้องเข้า App Store หรือ Play Store แล้วดาวน์โหลดแอพลิเคชั่น IQAir Atem มาก่อนนะคะ


จากนั้น พอเราเปิดแอพมาปุ๊บ เค้าก็จะให้เราทำการเชื่อมต่อกับเครื่องฟอกอากาศ โดยเราต้องเปิด Bluetooth บนมือถือเราก่อน แล้วทำการ Pairing โดยใส่ Pairing Code ที่อยู่ด้านหลังเครื่องได้เลยค่ะ


เมื่อทำการเชื่อมต่อเรียบร้อย เราก็จะเห็นหน้าแรกตามรูปทางซ้ายมือค่ะ
โดยในหน้าแรกนี้ แอพเค้าก็จะแสดงให้เราเห็นความแรงพัดลมที่เปิดอยู่ อายุฟิลเตอร์ อุณหภูมิ และค่าความชื้นภายในห้องโดยสารค่ะ


โดยอายุการใช้งานฟิลเตอร์ของเจ้า IQAir Atem Car นี้ เค้าคำนวนจากอายุการใช้งานจริงนะคะ ไม่ได้กำหนดระยะเวลาคร่าวๆเหมือนเครื่องฟอกอากาศส่วนใหญ่ ที่จะกำหนดระยะเวลามาเลยไม่ได้วัดว่าเราใช้จริงมากน้อยขนาดไหน


ในส่วนของหน้า EDIT ก็จะเป็นการตั้งค่าเครื่องฟอกอากาศเครื่องนี้ทั้งหมดค่ะ 
มีโหมดเปิด-ปิดระบบสัมผัสบนตัวเครื่อง เพื่อป้องกันเด็กๆกดเล่น สามารถกำหนดความแรงลมในแต่ละระดับได้ รวมทั้งแสงสว่างบนตัวเครื่อง และเสียงเครื่องเวลาเรากดเปลี่ยนความแรงลมด้วยค่ะ


เรียกว่าทุกอย่างสามารถปรับให้ตรงตามความต้องการเราได้หมดเลย.. อย่างตอนแรกที่ใช้ หม่าม้าก็ไม่ได้ปรับอะไรเลย แต่พอขับรถมาถึงตอนกลางคืนปุ๊บ.. ปะป๊าก็บอกว่าแสงมันแยงตามาก.. เราก็มาปรับในส่วนตรงนี้ได้ค่ะ ซึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าส่วนใหญ่จะไม่มีตรงนี้มาให้ อันนี้เลยเป็นอีกจุดที่หม่าม้าประทับใจมากกกก เพราะมันให้มากกว่าที่เราคาดหวังไว้อ่ะ 💖💖


มาดูเรื่องประสิทธิภาพการกรองอากาศจริงกันบ้างดีกว่าค่ะ 👀


วันนี้หม่าม้าขอวัดประสิทธิภาพการกรองฝุ่นด้วยเครื่องวัดคุณภาพอากาศ AirVisual Pro จากบริษัทเดียวกันค่ะ


ก่อนอื่น หลังจากเปิดกล่องมาปุ๊บก็ทำการเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือเข้ากับเจ้าเครื่องนี้ก่อนเลยค่ะ  โดยวิธีการง่ายๆเพียงสแกน QR Code ในคู่มือ ก็จะแสดงหน้าที่ให้เราดาวน์โหลดแอพ AirVisual ได้เลย


เมื่อทำการเชื่อมต่อ และตั้งค่าโลเคชั่นเสร็จปุ๊บ เจ้า AirVisual Pro ก็จะแสดงผลตามหน้าดังรูปนี้เลยค่ะ โดยทั้ง 4 หน้านี้ เค้าจะแสดงวนกันไปเรื่อยๆ 


และในส่วนของแอพลิเคชั่นบนมือถือ เราก็จะเห็นการแสดงผลตามภาพด้านล่างนี้ค่ะ ซึ่งทั้งเครื่องวัดคุณภาพอากาศ AirVisual Pro และแอพ AirVisual บนมือถือนั้นจะแสดงผลให้เราเห็นเหมือนกัน คือ 
- คุณภาพอากาศภายในบ้าน อันประกอบไปด้วย ค่าฝุ่นPM2.5 ค่าCO2 ค่าความชื้น และอุณหภูมิห้องค่ะ 
- คุณภาพอากาศบริเวณบ้าน ซึ่งประกอบไปด้วย ค่าฝุ่นPM2.5 อุณหภูมิ และพยากรณ์อากาศค่ะ 
ส่วนตัวแอพลิเคชั่นบนมือถือ จะมีอีกค่านึงเพิ่มเข้ามาคือคุณภาพอากาศในบริเวณที่เราอยู่ปัจจุบัน โดยจับตามโลเคชั่นบนมือถือเรานั่นเองค่ะ


ตั้งน้องไว้ตรงไหนก็สวย ดูดี ไม่เกะกะสายตาค่ะ



ออกนอกเรื่องไปหน่อย... แฮร่!! 😅
กลับมาที่เครื่องฟอกอากาศในรถของเราต่อดีกว่าค่ะ...


ต้องบอกก่อนว่า วันที่หม่าม้าเอา AirVisual Pro ไปวัดคุณภาพอากาศ เป็นวันที่พวกเราเดินทางไปไหว้พระที่นครพนมพอดี เนื่องจากช่วงนั้นค่าฝุ่นบ้านเราไม่ค่อยเยอะมาก เอามาวัดแล้วมันก็ยังไม่ค่อยเห็นผลชัดเจน ครั้นจะให้เปิดเอาเขม่าควันเข้ามาในรถมันก็กระไรอยู่ หม่าม้าเลยกะว่าทริปนี้แหละน่าจะพอวัดผลอะไรได้บ้าง 


ขณะนั่งรถไปเพลินๆ ช่วงรถโล่งๆ อากาศดีๆ หม่าม้าก็เลยเปิดหน้าต่างรับลมเย็นสักหน่อย แล้วก็เลยลองหยิบเจ้า AirVisual Pro มาลองวัดดู.. ปรากฏว่า โอ้โหววว!! เห็นอากาศโล่งๆ สบายๆ บนเขาแบบนี้ แต่ก็ไว้ใจไม่ได้เลยนะ ค่าฝุ่น PM2.5 ปาเข้าไปตั้ง 72 แหนะ เป็นตัวสีเหลืองเลย!!!



ไม่ได้ซะแล้ว!! เดี๋ยวอาโปจะมีน้ำมูกขึ้นมาอีก จากลมตีหน้าสบายๆ หม่าม้าเลยต้องรีบปิดกระจกและกดเครื่องฟอกอากาศให้เป็นพัดลมเบอร์แรงสุดทันที


เพียงไม่ถึง 3 นาที จากอากาศสีเหลืองๆบนหน้าปัด ก็กลายเป็นอากาศสีเขียวทันที 😍 



แต่ก็นะ.. ตราบใดที่เรายังอยู่ในรถ ในสภาพอากาศปิดแบบนี้ ก๊าซCO2ก็ย่อมมีเยอะกว่าเปิดกระจกรับลมโล่งๆเข้ามาอยู่ดี.. ก็ว่าแล้ววว ว่าทำไมขึ้นรถทีไรง่วงนอนทุกที 555 💤


และในที่สุด ก็ได้รู้แล้วว่าเจ้าเครื่องฟอกอากาศ IQAir Atem Car นี้นางเวิร์คสมราคาค่าตัวจริงๆ มีนางอยู่บนรถแล้วอุ่นใจ ไม่ว่าจะไปไหน เจอคุณภาพอากาศเลวร้ายขนาดไหนก็ไม่ต้องกลัวฝุ่นพิษจะรั่วเข้ามาในรถให้เราสูดดมเข้าไปแล้ว และที่สำคัญที่หม่าม้าเลิฟเจ้าเครื่องนี้ที่สุด คือลูกชายตัวแสบของหม่าม้า ไม่ต้องมาทนหายใจฟึดฟัด น้ำมูกไหลย้อยอีกต่อไป.. แค่นี้มันก็ดีต่อใจแม่มากสุดๆแล้ว 💗💗


สุดท้ายนี้  ถ้าบ้านไหนเป็นแก๊งค์เด็กขี้แพ้เหมือนกัน แล้วอยากได้ไปฟอกอากาศให้โล่งจมูก สบายปอดมากยิ่งขึ้นแบบหม่าม้าและอาโปแล้วล่ะก็ สามารถแวะไปตำตามลิ้งค์ด้านล่างนี้ได้เลยค่าา 👇👇


หรือ ถ้าใครอยากเข้าไปส่อง เข้าไปศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนก็สามารถเข้าไปติดตามเค้าได้ทั้งทาง Website  Facebook Page  Line : @IQAirThailand และ IG : iqair.thailand ค่ะ


แล้วครั้งหน้าหม่าม้าจะพาไปตำอะไร พาไปไหน หรือเม้าท์มอยเรื่องอะไร ก็อย่าลืมมาติดตามกันได้น้าา เข้ามาเม้าท์กันได้นะคะตามประสาคุณแม่ขี้เหงาทางเพจหม่าม้าขาเม้าท์ค่าา 💋 


เลิฟฟฟ 💖💗💖









0 comments